วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ย้ายสัมโนบล็อคครับ

ตามต่อและอ่่านเรื่องราวของผมผ่านบล็อค (จริงๆ) ได้ครับที่ Do in Thai

ไปที่ บล็อคใหม่ ของผม (จริงๆ)

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Social Network ในปัจจุบันกับการอยู่ร่วมในสังคม

ณ เวลานี้ ถ้าจะเอ่ยถึง Social Networking คงไม่มีบุคคลที่ทำงานด้าน IT คนไหนที่ไม่รู้จัก เนื่องจากตัว Model ของเว็บไซต์ประเภท Social Network ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น มีพลังที่เรียกได้ว่า สมาชิกสามารถสร้าง ร่วมกันสร้าง ร่วมกันเผยแพร่ และเติบโตจนถึงจุดที่เรียกได้ว่า เป็นกลุ่ม community ที่สามารถต่อยอดและเป็นผลผลิตให้เกิดกิจกรรมอื่นๆ ในอนาคตได้ไม่ยากเย็นนัก แต่ในแง่ของเว็บไซต์ Social Networking ชั้นแนวหน้าของโลกในปัจจุบันนั้น จัดอยู่ในประเภท Web 2.0 ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า Web 2.0 นั้น มีคำนิยามสั้นๆ ว่า “เป็นเว็บที่ เปิดโอกาสให้ user สามารถเข้าไปมีส่วนร่วม สร้างเนื้อหา สร้าง content ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ร่วมทั้งสามารถ join group ต่างๆ ในคอมมูนิตี้นั้นๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น” ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้ ผู้ใช้มีหลายระดับ หลายวุฒิปัญญา ร้อยพ่อพันแม่ มาอยู่ร่วมกัน จึงไม่แปลกที่ จะมี ผลผลิตที่ตกผลึกออกมาอยู่ในรูปแบบกิจกรรม หรือความสนใจในหมวดหมู่เชิงไร้สาระ หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า “กลุ่มที่ใช้ Social Networking ในทางที่ผิด” ซึ่งเรียกว่าเป็นด้านมืดของ Social Networking ซึ่งทุกๆ ท่านคงจะทราบกันดี ผมขอไม่เอ่ยชื่อ เว็บเหล่านั้น เพียงแต่สิ่งที่ผมอยากจะพูด ณ วินาทีนี้คือ ระบบกลั่นกลอง และภาพสะท้อนให้เห็นถึงความระดับของความรับผิดชอบของตัวเว็บไซต์เอง รวมไปถึงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในเชิงการประชาสัมพันธ์หรือ Policy แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ผมยังมีความเชื่อว่าคุณประโยชน์จาก Social Network นั้นมีมากกว่าโทษแน่นอน และยังคงเป็นอยู่แบบนี้เรื่อยๆ หากแต่ว่าผู้ใช้เอง ยังต้องยกระดับการใช้งาน และร่วมกันส่งเสริม ชี้นำเยาวชนให้เริ่มรู้จักจากด้านสว่าง ผมเชื่อว่าผู้ใหญ่ และผู้ที่กำลังจะเป็นผู้ใหญ่ ในปัจจุบันสามารถส่งเสริมจุดนี้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปัจจุบัน มี Social Network หลายๆ ที่ ที่ผมคิดว่ามีประโยชน์ และใช้งานเป็นการผ่อนคลายหรือจะใช้งานเป็นแหล่งพบปะ ติดต่อสังสรรค์ หรือจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์กันภายในกลุ่มนั้นๆ ปัจจุบันมีหลายเว็บมากมาย ที่ผมจะแนะนำให้พี่ๆ น้องๆ ได้รู้จักกัน Social Network หลักๆ ที่ผมจะนำเสนอมีดังต่อไปนี้ครับ

1. Last.fm ( http://www.last.fm )
ตัวนี้เป็น Community ประเภทบันเทิงครับ หลักๆ คือ สามารถ Link กันใน group หรือ กลุ่มผู้ฟังเพลงที่สนใจแนวเพลงเดียวกัน หรือใครสนใจศิลปินใดอยู่ ก็สามารถ search และทำการ contact กันต่อไป

2. Facebook ( http://www.facebook.com )
เป็น Social Network ที่น่าสนใจไม่แพ้ ตัวแรกที่ผมได้แนะนำไป เพียงแต่ว่าอาจจะความหลากหลายด้านเชื้อชาติ หลากหลายความสนใจ และโดยมากจะเป็นกลุ่มคนอยู่ในวัยเรียนระดับอุดมศึกษาขึ้นไป ที่เข้ามาใช้งาน Facebook แห่งนี้ ที่สำคัญ สามารถสร้าง group และ application เพื่อใช้งานกันภายใน หรือแจกจ่ายให้สมาชิกท่านอื่นได้ร่วมทดสอบได้อีกด้วย

3. SlideShare ( http://www.slideshare.net )
ชื่อเว็บก็บ่งบอก และสื่อถึงตัวมันเองเลยครับ จ้าวนี้เป็นแหล่งแบ่งปันสารสนเทศประเภทงานนำเสนอ ไม่ว่าจะเชิงวิชาการ หรือ content ที่เป็น slide อื่นๆ ก็ยังมีอีกเช่นกัน สามารถลิงก์ไปมาระหว่าง user ด้วยกัน รวมถึง ระบบ group ก็มีให้ใช้เหมือน Social Network อื่นๆ ครับ

4. Flickr ( http://www.flickr.com )
ผมไม่มั่นใจว่าเว็บนี้จะจัดเป็น Social Network ดีหรือไม่ แต่ในความรู้สึกผม มันบอกว่าใช่ เป็นเว็บไซต์ในเครือของ yahoo.com ซึ่งเดิมทีนั้น เป็นเว็บไซต์คลังเก็บภาพ ขนาดใหญ่ สามารถแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน รวมถึงคุณสมบัติพื้นฐาน เช่นการแปะ tag ชื่อภาพ คำบรรยาย อื่นๆ อีกมากมาย มีคุณสมบัติของ Social Network ในเบื้องต้นครบถ้วน เรียกได้ว่า สนใจเรื่องเดียวกัน ก็สามารถ contact หรือ search หาภาพที่เกี่ยวข้องได้โดยง่าย เช่น อาจจะค้นหา ผู้ที่ไปร่วมงานหรือ Event เดียวกัน ก็มา ค้นหาจาก flickr ที่นี่เอง ( ผมชอบมากๆ )

5. LinkedIn ( http://www.linkedin.com )
เป็น Social Network ประเภทกลุ่มคนทำงาน หรือกลุ่มงานนั่นเอง โดยส่วนตัวผมได้ทดลองใช้ รู้สึกว่าใช้งานยากไปนิดนึง แต่ในเบื้องต้นก็มีเพื่อนๆ คนรู้จักหลายๆ คนใช้เป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการติดต่อกับเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานที่ เดียวกัน หรือกลุ่มคนที่สนใจประเภท งานที่เหมือนๆ กัน สำหรับคนทำงานด้าน IT นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว

6. Hi5 ( http://www.hi5.com )
จากกระแสที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของ Hi5 เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้นำไปใช้งานในเชิงลบเสียส่วนใหญ่ คนจึงกล่าวถึง Hi5 ในเชิงลบเสียกึ่งหนึ่ง จึงทำให้ดูหม่นหมอนไป แต่ในเชิงจำนวนของกลุ่มผู้ใช้แล้ว ไม่แพ้ Social Network อื่นๆ เลยทีเดียวครับ และ Hi5 ก็พยายามที่จะพัฒนาคุณสมบัติ เพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ เพื่อตอบสนองผู้ใช้อยู่เรื่อยๆ อีกทั้งกลุ่มอายุผู้ที่ใช้งาน Hi5 นั้นอยู่ในช่วง วัยทีน จะเยอะมาก

7. Yahoo Upcoming ( http://upcoming.yahoo.com )
สำหรับ Yahoo เอง ก็มีอีกบริการหนึ่ง เป็น Sub Service ที่ชื่อว่า Upcoming ลักษณะที่ผมดูๆ แล้วจะ เน้นเรื่อง Event หรือความสนใจเป็นหลัก โดยรวมแล้วผมมองว่าคนไทยใช้กันน้อยมาก แต่ทางฝั่งยุโรป และจีน ตลาดของ Yahoo จ้าวนี้ เขาไปได้สวยมาก ซึ่งผมเองยอมรับว่า ไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไหร่ แค่ไปสมัคร account เพื่อทดลองเท่านั้น

8. Gotoknow ( http://www.gotoknow.org )
Gotoknow เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยเอง โดยได้ริเริ่มโดยกลุ่มนักพัฒนาในระดับอาจารย์ของสถาบันมหาวิทยาลัยชื่อดัง ของรัฐฯ และได้พัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน โดยอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลและส่งเสริม จาก “สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม” หรือ เรียกสั้นๆ ว่า”สคส. ซึ่งกลุ่มผู้ใช้หลักๆ ที่ผมดูแล้วจะเป็นกลุ่มวิชาชีพอาจารย์ ครู นักวิชาการด้านต่างๆ เนื่องจากรูปแบบที่ใช้งานง่าย มีความคล่องตัว รวมถึงคุณสมบัติที่ครบถ้วน โดยรูปแบบ จะออกแนว Blogging ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอะไร ที่ทำให้ผมคิดว่า Gotoknow เป็น Social Network เพียงจุดเดียวที่ผมสังเกตเหตุจาก Gotoknow คือสาระเชิงวิชาการ ที่ถูก Generate จากกลุ่มผู้ใช้ในระดับปัญญาชน จากสาขาต่างๆ มากมาย ทำให้ผมชอบที่จะแวะเวียนไปหาบทความดีๆ มาอ่านอยู่เรื่อยๆ โดยสามารถค้นหา Tag ที่สนใจ และถึงกลุ่มบทความที่ต้องการได้โดย ตรงภายในเวลาอันสั้น รวมถึงการแชร์ความคิดเห็นต่างๆ จากจุดนี้เอง เป็นข้อสังเกตได้ว่า Gotoknow มีการแสดงความคิดเห็นจากปัญญาชนซึ่งโดยมากจะตกผลึกและกลั่นกรองโดยดีแล้ว ก่อนที่จะโพสต์หรือเผยแพร่ ทำให้ผมมองว่า “จุดประสงค์หลัก” และแนวทางของเว็บไซต์ จะเป็นตัวชี้และกำหนด รวมถึงกลั่นกรองระดับคุณภาพของสังคม WEB 2.0 นั้นๆ ไปโดยปริยาย โดยไม่ต้องเหนื่อยยากลำบากไปให้ความสำคัญกับการร่าง Policy และหามาตรฐาน หรือมาตรการมาป้องกันภัยสังคมอินเตอร์เน็ต อีกทั้งยังสามารถเอาเวลาไปพัฒนาตัวเว็บได้อีกเยอะ เลยทำให้ Gotoknow เป็นอีกหนึ่ง Social Network ที่มี Model ระดับคุณภาพคับแก้วเชิงโครงสร้างและหลักการผมให้คะแนน 9 เต็ม 10 (ในสายตาของผม) สามารถเอาศึกษาเพื่อเป็นต้นแบบพื้นฐานในการออกแบบโครงสร้างและให้ผลผลิตดีๆ แก่สังคมอินเตอร์เน็ตของไทยได้อีกมากมาย

จากตัวอย่าง Social Network ที่ผมยกตัวอย่างมาเพียง 8 เว็บนั้น อาจจะขาดบางเว็บที่บางท่านอาจจะคิดว่าผมลืมได้อย่างไร จริงๆ แล้วต้องขออภัยที่ผมเพียงแต่จะนำเสนอเว็บที่ผมคุ้นเคย และได้พยายามเข้าถึงเท่านั้น หากแต่จะมีเว็บไซต์อื่นๆ อีกมากมายที่ผมไม่ได้พูดถึงก็สามารถแนะนำกันได้ครับ

ที่มา : http://jack.in.th/113
Credit : jack

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ได้สาระอยู่นะ โฆษณายาสระผม

ดูตอนแรกคิดว่าไทยประกันชีวิตมาใหม่ แต่สุดท้ายขายยาสระผม แต่ดีมากๆครับ concept ก็ตามโฆษณาเค้า "เผยสิ่งดีๆในตัวคุณ"

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิวัฒนาการของเว็บฯ

รู้สึกช่วงปลายๆกราฟจะยาวไปไกลเอาการเลยครับ แต่ดูจากจำนวนเว็บฯและคนเล่นเว็บฯในโลกนี้ตอนนี้ คงอีกไม่ไกลอย่างว่าครับ

จากพัฒนาการยุคแรกๆ จนมาถึงวันนี้เว็บฯ เติบโตจากการส่งผ่านข้อมูลแบบ static ด้วย HTML มาถึงตอนนี้ อะไรก็ไม่รู้นะครับ เยอะแยะมากมายไปหมด จะเห็นว่าช่วงการพัฒนาแต่ละขั้นมีการส่งต่อหรือการนำเทคโนโลยีจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่ง หรือมองลึกๆแล้วจะเห็นว่า บางครั้งมีการนำ concept ในยุคเก่ามาทำให้บรรลุผลในยุคใหม่นี้ด้วยครับ

ช่วงปลายๆกราฟที่ผมบอกไปแล้วว่า มันค่อนข้างไกล ผมหมายถึง ถ้าเรามองอีกมุม จะเห็นว่ามันอาจจะมาถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ครับ แต่ที่รู้คือ เว็บฯกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเข้าในคนใช้และสังคมของคนใช้มากขึ้นเรื่อยๆ  และแน่นอนว่าเว็บฯจะเติบโตและกลายเป็นปัจจัยที่จำเป็นในโลกยุคหน้าในอีกไม่กี่สิบปีนี้แน่นอน

ผมคิดเล่นๆ ว่า ถ้าวันนึงมันมีแบบ DieHard4.0 กะ Eagle Eye ขึ้นมา เอาละกูีนี้ ชีวิตคงสนุกสนานกันน่าดู แหะๆ ใช้อย่างรู้เท่าทันกันนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Do in Thai #1 ตอน แนะนำกันซักเล็กน้อย


ดู อิน ไทย คือ สังคมออนไลน์เพื่อร่วมกัน "ทำ" สิ่งที่สร้างสรรค์ร่วมกับเพื่อนๆในเว็บฯ โดยคุณจะมีบล็อคส่วนตัวของคุณไว้สำหรับการเขียนบทความ และสามารถส่งข่าวสาร กิจกรรม ฯลฯ ให้กับสมาชิกเพื่อนๆนกลุ่ม และนอกกลุ่มของคุณ

เป้าหมายหลักของเรา คือ "ทำ" ประโยชน์ โดยเอาสิ่งที่ดีๆ จากสังคมออนไลน์นี้ กลับคืนสู่โลกสังคมภายนอกจริงๆ

และ สุดท้าย เรา คือ สังคมออนไลน์ในเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียน นิสิต นักศึกษาไทย ที่จะส่งเสริมและสร้างสรรค์โลกออนไลน์นี้ให้ดี เพื่อนำประโยชน์แก่สังคมไทย ด้วยสโลแกนที่ว่า "เรียนรู้อย่างสนุกสนาน บนพื้นฐานของความเป็นไทย"

ตอนนี้กำลังจะเปิดเว็บฯรุ่น bataออกมาทดสอบกันแ้ล้วล่ะครับ ลองแวะๆเข้าไปดูกันก่อนได้ครับ เร็วๆนี้

ที่ do.in.th (i just do it.) 

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ตามกระแส ตอน web 3.0

เห็นหลายๆคน (เริ่มพูดถึงเว็บแนวใหม่ -web2.0- กันเยอะขึ้น) ก็ดีใจนะครับ ที่คนที่ไม่ใช่ developer เริ่มเข้าใจและมองเห็นการพัฒนาด้านเว็บแอฟพลิเคชั่นมากขึ้น

วันนี้นั่งอ่านเรื่อง web2.0 อยู่นานพอสมควร เมืองนอกไปไกลกันมากแล้วครับ แทบจะเรียกว่าย้ายสัมมโนครัวขององค์กร ธุรกิจ หรือฐานข้อมูลไปไว้บนเว็บกันอย่างถ้วนหน้า ดูแล้วก็รู้สึกดีครับ พัฒนาไปเร็วและต่อเนื่องมากเลย

ช่วงนึงเค้าพูดกันถึง ทางตันของ web2.0 เลยมีโอกาสได้อ่านบทความจากหลายๆแหล่งเรื่อง web 3.0 กัน ซึ่งดูไปดูมาก็รู้สึกจะพูดกันเยอะขึ้น โดยสรุปใจความก็คือ web2.0 กะ web3.0 หรือวันข้างหน้า web4.0 ... 10.0 กันไป ก็เชื่อว่าเทคโนโลยีเว็บจะก้าวต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็แน่นอนล่ะครับ web3.0 ก็ถือการต่อยอด เพิ่มเติม ปรับปรุง พัฒนา ส่วนต่างๆจาก web 2.0 ซึ่งตอนนี้นับว่ามีข้อมูลและรูปแบบที่หลากหลายและใหญ่+เติบโตขึ้นทุกวัน รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่พัฒนาให้ผู้ใช้เว็บสามารถจัดการบริหารข้อมูลและรูปแบบต่างๆได้อย่างเต็มที่

โดยส่วนตัวแล้ว ผมยังเชื่อว่า ถึงแม้การพัฒนาเว็บและก้าวเข้าสู่โลกยุดที่ใหม่กว่าเดิม อย่างเช่นกำลังว่ากันด้วยเว็บ 3.0 นี้อยู่ แต่สุดท้าย ทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาอย่างเดียว ผู้ใช้ และปัจจัยภายนอกอื่นๆก็ล้วนส่งผลต่อการใช้เว็บยุคใหม่ทั้งสิ้น ซึ่งข้อนี้ผมจะมาเขียนแบบละเอียดเมื่อสมองไหลลื่นและอ่านข้อมูลมาแบบจริงๆจังก่อนครับ

สู้เค้า web developer

Review หัวข้อ (ของตัวเอง) เอาไปพูดในงาน Bangkok Barcamp #3

ถ้ามีโอกาสงาน BarCamp Bangkok #3 ผมเองก็อยากจะหาแรงไปฟิตความรู้และพบปะผู้คนด้าน IT เจ๋งๆของประเทศนะครับ และจะพยายามหาแรงไปงานนี้ให้ได้ด้วย สาธุๆ

หัวข้อที่ถ้ามีโอกาสอย่างนั้น ผมจะพูดเรื่อง "When we walked through old WWW, but We still not arrive new WWW yet!" ไม่รู้เรียบเรียงถูกไวยกรณ์มั้ยนะครับ แต่แปลเป็นไทยง่ายๆ คือ ทำไมเรายังไปไม่ถึงไหนเหมือนเมืองนอกเค้าซะทีในด้านการพัฒนาเว็บไซต์ให้คนในประเทศตัวเองใช้ครับ

ว่ากันด้วย การสิ่งที่มองและมองข้ามไป ของการพัฒนาเว็บฯให้คนใช้ครับ โดยส่วนตัว ได้หาข้อมูลและสอบถามความคิดเห็นมาเยอะพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่าปัญหาอยู่ที่ผู้ใช้มากกว้ผู้พัฒนา และไม่ต้องพูดถึงเมื่อเปรียบเทียบศักยภาพด้าน web apps กับเมืองนอก ผมจึงอยากจะไปช่วยกันคุยและพูดถึงเรื่องนี้แบบจริงๆจังอีกซักครั้ง หลังจากที่เคยพูดไปที่งาน Thinkcamp แบบคร่าวๆแล้ว

หวังว่ากระทู้นี้ ผมจะมีแรงและสังขารไปพูดและได้ฟังอะไรๆที่ดีๆ ฮาๆ จากชาว IT ทั้งหลายทั้งปวงในงานนะครับ

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552

นี่แหละของเค้าดีจริง

ISP รายใหญ่สุดสองรายในสวีเดนตัดสินใจปกป้องลูกค้าโดยการเลิกเก็บ Log

หลังจากที่ประเทศสวีเดนได้ทำการผ่านกฎหมายว่าด้วยอำนาจศาล ศาลสามารถสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ให้ข้อมูลที่บริษัทได้เก็บไว้เกี่ยวกับลูกค้า (User Log) กับรัฐได้ เพื่อที่จะลดการละเมิดลิขสิทธิออนไลน์ภายในประเทศ หลังจากการตัดสินคดีของ The Pirate Bay และการอนุมัติผ่านกฎหมายนี้ในสวีเดน ทำให้ปริมาณการใช้แบนด์วิธในประเทศสวีเดนนั้นตกลงถึง 50%

กฎหมายนี้ส่งผลให้สอง ISP รายใหญ่ที่สุดในประเทศตัดสินใจที่จะปกป้องสิทธิของลูกค้าของตนเอง โดยการไม่เก็บ Log ลูกค้าอีกต่อไป หากศาลสั่งให้ส่งข้อมูลลูกค้า จะไม่สามารถให้ข้อมูลกับศาลได้ เพราะว่าไม่มีข้อมูลจะให้ แม้ว่าการตัดสินใจของสอง ISP นี้เห็นได้ชัดว่าขัดกับกฎหมายใหม่นี้ก็ตาม แต่ ณ เวลานี้ถือว่ามาตราการของ ISP เหล่านี้ยังไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

ที่มา - Tom's Guide

Credit : Blognone

HOW TO HACK WEBSITES ADMIN PANEL

เข้าใจว่าเป็น APS สมัยก่อนนี้นะครับ ทำ SQL Injection ซะ คลิกเดียวเป็น admin เลยทีเดียว

Ajax ภาค เกือบสมบูรณ์

Ajax ไม่ใช่ชื่อของการเขียนโปรแกรมหรือเป็นชื่อของภาษาที่ใช้ในการโปรแกรม แต่เป็นชุดของเทคโนโลยีต่างๆ Ajax ย่อมาจาก Asynchronous JavaScript And XML ซึ่งหมายถึงการทำงานร่วมกันของ JavaScript และ XML แบบ Asynchronous มีหลักการทํางาน 2 ประเด็น คือ การ update หน้าจอแบบบางส่วน และการติดต่อสื่อสารกับ Server โดยใช้หลักการ Asynchronous ทําให้ผู้ใช้ไม่ต้องหยุดการทํางาน เพื่อรอการประมวลผลจาก Server รวมถึงการโหลดและการรีเฟรชหน้าจอ ของบราวเซอร์ทางฝั่ง Client มีการใช้ Ajax โดยการเพิ่มเลเยอร์ระหว่าง user browser กับ server ทําให้ผู้ใช้สามารถทํางานได้โดยไม่ต้องรอให้ Client ติดต่อไปยัง Server รวมถึงการโหลดและการรีเฟรชหน้าจอทั้งหมดด้วย ดังนั้นผู้ใช้สามารถใช้งาน application ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

AJAX จึงไม่ใช่เทคโนโลยีในตัวของมันเอง แต่ว่าเป็นการนำเทคโนโลยีหลายๆ ตัวมารวมกันเช่น JavaScript, DHTML, XML, Css, Dom และ XMLHTTPRequest

Ajax engine ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่าง client และ server ฉะนั้นเมื่อ client มี requestแทนที่จะส่ง HTTP request ไปยัง server โดยตรง client จะส่ง JavaScript? call ไปยัง Ajax engine เพื่อโหลดข้อมูลที่ user ต้องการ และหาก Ajax engine ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมในการตอบสนองต่อ user Ajax engine จะส่ง request ไปยัง server โดยใช้ XML

เปรียบเทียบการทำงานแบบเดิม กับ Ajax
โครงสร้างของ Ajax

จากรูป Ajax engine นี้ อยู่ระหว่าง User Interface กับ server ซึ่งจะมองว่าเป็นการทำงานที่ Client การทำงานต่างๆของผู้ใช้ โปรแกรมจะไปเรียก Ajax engine ตัวนี้ขึ้นมา แทนที่การร้องขอหน้าเว็บจาก server โดยตรง และจะใช้โครงสร้างข้อมูลแบบ XML ในการขนย้ายข้อมูลระหว่าง server กับ Ajax engine เมื่อบราวเซอร์ทำการร้องขอข้อมูลจาก server
นอกจากนี้ Ajax engine ไม่ต้องทำการติดตั้ง ไม่ใช้ plug-in และไม่สามารถ download ได้ เพราะ Ajax เป็นแนวคิดในการแก้ปัญหาการหยุดชะงักการทำงานของผู้ใช้

การทำงานของ Ajax

AJAX จะช่วยลดการติดต่อระหว่าง Client กับ Server โดยในการโหลดหน้าเว็บนั่น บราวเซอร์จะโหลดข้อมูลจาก AJAX engine แทนการร้องขอข้อมูลจาก server โดยตรง ดังนั้น Ajax จะทำหน้าที่ทั้งการ render ส่วนติดต่อกับผู้ใช้และติดต่อไปยัง server แล้ว AJAX engine อนุญาติให้การกระทำต่างๆ ใน web application เป็นแบบ Asynchronous คือความเป็นอิสระในการติดต่อไปยัง server นั่นเอง ดังนั้นผู้ใช้จะไม่พบกับบราวเซอร์หน้าขาวๆ อีกต่อไป และไม่ต้องรอการโหลดข้อมูลต่างๆ จาก server

รูปการทำงานแบบ Asynchronous และการ update หน้าเว็บแบบบางส่วน ที่ทำให้การทำงานของผู้ใช้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อดีของ Ajax

  1. ตอบสนองต่อผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากการ update แบบบางส่วน
  2. ผู้ใช้ไม่ต้องหยุดรอคอยการประมวลของ server เนื่องจากการติดต่อแบบ Asynchronous
  3. รองรับกับบราวเซอร์หลักๆที่สามารถใช้ JavaScript? ได้
  4. ทำให้การประมวลผลที่ Server มีความรวดเร็วขึ้นเนื่องจากการประมวลผลที่ Server ลดลง
  5. ไม่ต้องทำการติดตั้ง หรือใช้ Plugs-in
  6. ไม่ยึดติดกับ Platform หรือภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม
  7. เป็นเ ทคโนโลยีใหม่ที่ไม่ได้เป็นของนักพัฒนาเว็บแอพลิเคชั่นคนใด นั่นคือทุกคนมีสิทธิ์เข้ามาพัฒนาแอพลิเคชั่นตัวนี้

อ้างอิงจาก : http://wiki.nectec.or.th/giti/Knowledge/Ajax